วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถานที่ท่องเที่ยว


:: ประวัติ ::

วัดเจริญสุขารามวรวิหารตั้งอยู่ริมคลองบางนกแขวก (คลองดำเนินสะดวก) ตำบลบางนกแขวก  อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามห่างจากอาสนะแม่พระบังเกิดประมาณ500เมตร เดิมเป็นวัดร้างไม่ทราบว่าสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อใดแต่มาได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในปีพ.ศ.2426เรียกกันว่า"วัดกลางคลอง" หรือ "วัดต้นชมพู่" และต่อมาเมื่อมีการสร้าง "ประตูน้ำบางนกแขวก" ในปี พ.ศ.2451 ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า"วัดประตูน้ำบางนกแขวก"ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น"วัดเจริญสุขาราม"วัดนี้ได้รับการยกฐานะเป็นอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหารในปี พ.ศ.2500 สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่ พระอุโบสถที่มีศิลปะการก่อสร้างเฉพาะตัวเพดานโบสถ์เป็นรูปโค้งคล้ายประทุนเรือ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโตลักษณะเป็นพรปฏิมากรสมัยสุโขทัยสร้างด้วยศิลาแลงขนาดหน้าพระเพลากว้าง178เซนติเมตรสูงจากพื้นรองประทับถึงจุฬา208เซนติเมตร


      บริเวณท่าน้ำหน้าวัดมีฝูงปลาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะปลาตะเพียนเงินและปลาตะเพียนทองประชาชนนิยมมาให้อาหารปลาและรับประทานก๋วยเตี๋ยวเรือรสชาติอร่อย บริเวณท่าน้ำแห่งนี้เป็นตลาดน้ำวัดเจริญฯ มีแม่ค้าพ่อค้าพายเรือขายของเป็นจำนวนมากดังเช่นตลาดน้ำแห่งอื่นๆ

     สำหรับประวัติความเป็นมาของวัดเจริญสุขารามวรวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง ทราบแต่ว่าเป็นวัดเก่าแก่และเป็นวัดร้าง ในเวลาต่อมาจนถึงปีพ.ศ.2426ได้มีทายกทายิกา ในท้องถิ่นนิมนต์หลวงพ่ออาจจากวัดบางคนทีใน มาเป็นเจ้าอาวาส ส่วนใหญ่ประชาชนเรียกกันว่า"หลวงพ่อตามืด"ทั้งชาววัดและชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะวัดโดยการปฎิสังขรณ์สิ่งต่างๆ และเรียกชื่อวัดว่าวัดกลางคลองบ้าง วัดต้นชมพู่บ้าง ต่อมากระทรวงเกษตราธิการได้สร้างประตูน้ำขึ้นจึงใช้ชื่อว่า"วัดประตูน้ำบางนกแขวก"เรียกชื่อนี้กันมานานหลายปี

      ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรสงคราม เพราะมีสิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่2เป็นหลักฐานอยู่นั่นคือลูกระเบิดที่ฝ่ายพันธมิตรทิ้งลงมาทางเครื่องบินเพื่อขับไล่ทหารญี่ปุ่นบริเวณหน้าวัดเจริญหรือบริเวณประตูน้ำบางนกแขวก หลังจากสิ้นสุดสงครามเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองได้มาทำการกอบกู้ลูกระเบิดดังกล่าวและมอบให้ทางวัดเจริญดูแลและเก็บไว้เป็นหลักฐานหรือที่ระลึกจนถึงปัจจุบันวัดเจริญสุขารามฯอยู่เขตพื้นที่ติดต่อกับอำเภอดำเนินสะดวกห่างกันแค่3กิโลเมตรเท่านั้นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวก สามารถล่องเรือมาคลองดำเนินมาถึงวัดเจริญฯ ได้ หรือจะมาทางรถยนต์ก็สะดวกสบายเช่นกัน



  สิ่งที่น่าสนใจ :: สักการะบูชา“หลวงพ่อโต”ที่ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถ เป็นพระประธานองค์เดียว ซึ่งสมัยสงครามโลกครั้งที่2โดนระเบิดแล้วไม่เกิดความเสียหาย,เยี่ยมชมหลังคาอุโบสถที่สร้างขึ้นคล้าย“กระโดงเรือ”เป็นอุโบสถที่เดียวของจังหวัดสมุทรสงครามที่หลังคาอุโบสถคล้ายกระโดงเรือ, เยี่ยมชมอนุสรณ์สถาน“ลูกระเบิด”สมัยสงครามโลกครั้งที่2,ปิดท้ายด้วยการชมและให้อาหารปลาที่ “วังมัจฉา”ปล่อยปลา ทำบุญหน้าวัด พร้อมกับเดินเที่ยวตลาดน้ำ ชิมกวยจั๊บเรือเจ้าเก่า.

           การเดินทางไปตามเส้นทางสายสมุทรสงคราม-บางนกแขวก(เส้นทางเดียวกับอุทยาน ร. 2) ประมาณ5กิโลเมตรผ่านอาสนวิหารแม่พระบังเกิดข้ามสะพานบางนกแขวก จะเห็นป้ายวัดอยู่ด้านขวามือ ด้านซ้ายเป็นปากทางเข้าบ้านปลาทับทิมแม่กลองรีสอร์ทให้เลี้ยวขวาเข้าประมาณ600เมตร ก็ถึงวัดเจริญแล้วครับท่านใดที่สนใจท่องเที่ยวหรือจองที่พักสามารถโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บ้านปลาทับทิมแม่กลองรีสอร์ท เบอร์โทร 080-7888748

บ้านริมฝั่งคลองยังมีความเป็นธรรมชาติ มีสไตล์ที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศท้องถิ่น.
ปลาส่วนใหญ่จะเป็นปลาตะเพียนและปลาพันธุ์อื่นปะปนมาด้วย
แต่ละตัวตัวใหญ่มากๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเลย หมดเงินอาหารปลาเยอะ ให้เพลินมาก



 นั่งห้อยขาดูคนให้อาหารปลาไป ดูเรือแล่นผ่านบ้าง 
หาไม่ได้แล้วในเมืองหลวงที่วุ่นวาย..






































สถานที่ท่องเที่ยว น้ำตกเก้าชั้น


น้ำตกเก้าชั้น หรือ เก้าโจน(เก้ากระโจน)
ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง เลยจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร  เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสูง 9 ชั้น ตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขา มีน้ำตลอดปี ปริมาณน้ำจะมากในชั้นบนๆ  หินบริเวณน้ำตกเป็นหินแกรนิต แต่เดิมน้ำตกนี้รู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชาวกะเหรี่ยง  ต่อมาบริษัทต่างชาติเข้ามารับสัมปทานเหมืองแร่เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2484  ต่อมาเมื่อหมดสัมปทาน ทางอำเภอและกลุ่มองค์กรท้องถิ่นจึงได้เข้ามาดูแลพื้นที่  การเดินไปชมน้ำตก  จากลานจอดรถเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงบริเวณน้ำตกชั้นล่าง ซึ่งสามารถเดินเท้าขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายได้ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ค่าเข้าชม รถยนต์ รถตู้ รถปิกอั๊พ คันละ 30 บาท รถบัส 100 บาท

นิทาน

กาลครั้งหนึ่ง… นานมาแล้ว มีฤาษีตนหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าลึก ฤาษีตนนี้ได้เลี้ยงลิงไว้ฝูงหนึ่ง ลิงซุกซนมากจนฤาษีต้องเฆี่ยนตีอยู่เสมอ วันหนึ่งพระราชาเสด็จมานมัสการฤาษี เห็นฤาษีตีลิงก็รับสั่งว่า ” ลิงซนตามธรรมชาติของมัน ไม่ควรต้องเฆี่ยนตี ” ฤาษีก็รับคำว่าจะไม่ตีลิงอีกต่อไป แต่ทูลขอพระราชาให้งดลงอาญาราษฎรด้วย เมื่อไม่มีการลงอาญา คนร้ายก็กำเริบ ก่อความเดือดร้อนไปทั่ว






ฤาษีทูลพระราชาว่า ” ผู้ที่ไม่อยู่ในระเบียบวินัย ย่อมก่อให้เกิดความเดือดร้อน จำเป็นต้องมีการลงโทษ ” จึงเป็นที่ว่าของสำนวน “ ฤาษีเลี้ยงลิง “  ดูความหมายของสำนวนนี้ ที่มาของนิทาน : สื่อการเรียนรู้ “รู้ รัก ภาษาไทย” โดย ราชบัณฑิตยสถาน

อ้างอิง http://www.nitan108.com/

เพลง ขัดใจ